Gung Note

วันนี้อยากจะโทรหาพี่ชาย และหลายคนที่เมืองไทย แต่ก็จำเบอร์ไม่ได้ phonebook เทคโนโลยีบางที ก็ทำให้เราไม่ยอมจำอะไรเลย ถ้ายังจำกันได้สมัยก่อนต้องสมัครบริการเสริม จึงจะโชว์เบอร์ได้ี ) ตอนที่มาส่งที่สนามบิน น้องเบิร์ดให้พกมือถือติดตัวมาด้วยทั้งๆที่ไม่มีเครื่องชาร์ตแบต ให้เอาโทรบอกก่อนเครื่องออก มาถึงที่นี่ไม่กี่วันแบตก็หมด เลยต้องใช้กำลังภายในทำให้แบตมันมีไฟ (คำเตือน หนูๆห้ามทำเรียนแบบเป็นอันขาด) ตอนค่ำออกไปกินข้าวข้างนอก ตอนแรกก็กะว่าจะไม่ออกไปไหนแล้ว แต่มีน้องมาชวนออกไปหาดูของย ่านขายของ abigo พอดีเจอข้าวหน้าเนื้อ เลยถือโอกาสลองชิมเลย รสชาติใช้ได้อร่อยมาก ขากลับ เจอประกาศราคาห้องเช่า เลยถ่ายมาให้ดู กลับถึงห้องก็อ่านภาษาญี่ปุ่นต่อ

วันเสาร์ที่ 10/02/2007 หลังเลิกเรียนไปเดินเล่นหลังศูนย์ กะว่าจะไปดูหนังสือที่ห้าง Diamond City ต้องเดินข้ามแม่น้ำไป จากศูนย์ประมาณสองกิโลเมตร ก็ไม่รู้สึกไกลนะ วันนี้อากาศเย็นสบายลมไม่แรงมาก ระยะทางต้องผ่านสุลานแบบญี่ปุ่น และร้านข้าวหน้าเนื้อ ที่นี่เปิด 24 ชั่งโมง ตามถนนก็ตัดแต่งต้นไม้รอฤดูใบไม้ผิลกันแล้ว คนจังหวัดโอซาก้านิยามใช้จักรยานกันมาก ดูได้จากที่จอดรถหน้าห้าง อย่างแรกที่ดูคือหนังสือ สมกับที่มีฉายยาว่าประเทศคู่มือ หนังสือแบ่งเป็นหมวดเป็นหมู่ดีมาก การเขียนอธิบายแบบ เป็นขั้นเป็นตอน หมวดแรกที่ดูคือด้าน Embedded System จากนั้นก็เรื่องตกปลา ตัวนี้ถูกใจมากแต่ยังไม่ซื้อจะซื้อตอนไปอยู่โตเกียวแล้ว ก็อธิบายวิธีการตก และอุปกรณ์ต่างๆ ชนิดของปลาพร้อมภาพสี แล้วยังมี วิธีการทำอาหารให้ด้วยนะ สุดยอดจริงๆ ราคาประมาณ 1500e ต่อมาก็หมวด Dictionary และก็หนังสือเด็ก สำหรับหมวดนี้ดูหนังสือไป และก็ดูหน้าเด็กๆไปด้วย ( คิดถึงเบิร์ดบิว )

ผ่านมาหลายวัน ไม่ได้เขียนอะไรลงไปเลย เพราะเป็นความโชคดี หรือไม่ดี ก็ไม่รู้ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี และได้เลขนำโชคมา "92" จะเล่าให้ฟังว่ามันคือ ค่าของเปอร์เซ็นต์ ของคะแนนสอบครับ แต่ไม่ใช่คะแนนที่ดีเท่าไหร่, เรื่องคือเป็นการสอบซ่อม เพราะอาจารย์ที่นี้เขาดูละเอียดมาก แยกเป็นรายคนเลย ใครอ่อนตรงไหนก็จะแก้ไขทันที ส่วนที่ผมมีปัญหาคือ การฟังเสียงควบ มันยากจริงๆ นะ ก็ภาษาไทยไม่มีเสียงพวกนี้ ฟังกี่ครั้งๆ ก็ไม่ออก ไม่รู้มันตัวอะำไร แต่ก็พอจับจุดได้แล้ว และมีน้อง(ปุ๋ย上手の人)ช่วยติวให้ ต้องขอบคุณจริงๆ　กลับถึงห้องก็เลยมีเลย หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเล่น วันนี้ฝนตกหนักวันเลย ลานหน้าศูนย์ AOTS Kansai Kenshuu Center หน้าต่างห้องผมครับ( 634 )

วันนี้มื้อเย็นไม่อยากออกไปไหน เลยซื้อของมาเตรียมไว้ กะจะทำบะหมี่ปู รวมราคาแล้ว ถูกมาก เพราะซื้อจากร้าน 99เยน บะหมี่ 99e ,เนื้อปู 99e บวกภาษีอีก 5% = 208e เนื้อปูสดมากกลิ่นหอมด้วย อธ่อยดีนะ package ก็ออกแบบดีมากๆ

วันนี้เป็นวันหยุดครับโรงอาหารไม่เปิดเลย ออกมาหาข้าวเที่ยงกิน เจอร้านข้าวหน้าเนื้อ แต่มารู้ที่หลังว่าเป็นข้าวหน้าหมู เจ็บใจอาทิตย์ต้องกินหน้าเนื้อให้ได้ ถึงว่าทำไมถูกจัง 330e

เป็นเรื่องที่ทำผิดโดยไม่รู้ตัว "จริงๆ แล้ว ก่อนถ่ายรูปต้องขออนุญาตก่อน" (ตอนนั้นไม่รู้) มารู้ที่หลัง ก็ยังรู้สึกกลัวๆ ดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้น ที่เขาไม่ให้ถ่ายรูปเป็นเพราะคนญี่ปุ่น เขามีความเป็นส่วนตัวสูงมาก และอีกเหตุผล คือเรื่องความลับทางการค้า

คืนนี้ไปดูงานวัดมา เป็นเทศกาลเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนใหญ่ก็เหมือนบ้านเราแต่ที่นี่ ของกินเยอะมาก อากาศที่นี่ดีมากๆ เดินถนน แต่อากาศเหมือนอยู่บนยอดดอย สุดยอดจริงๆ เดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นเดือนที่อากาศเย็นสุดสำหรับญี่ปุ่น วัดที่ไปซื้ออะบีโกะ พระที่นี่ไม่เหมือที่ประเทศไทย พระที่นี่แต่งงานได้ ทำอะไรหลายๆอย่างได้ ที่สำคัญเป็นอาชีพ คนญี่ปุ่นเขาอนุรักษ์ไว้ ไม่มีปัญหาเรื่องพระมันบ้านเรา เวลามาที่วัดก็จะขอพร และก็ทำบุญไม่เห็นเรื่องอาหารการกินของพระนะ สงสัยเองไม่มี พูดๆไปแล้วจะเหมือนบ้านเราก็ มูลนิธิน่าจะเข้าใจง่ายกว่านะ ในงานมีของกินขายมากที่สุด ราคาดูแล้วก็ไม่แพงนะ เพราะราคาอาหารจานละ 350e - 600eโดยประมาณ แต่ขนมอยู่ที่ราคา300e ถ้าเป็นบ้านเราคิดว่าราคาสูงกว่าข้าวแบบ อาหารจานเดี่ยวนะ

วันนี้วนช่วงก่อนเลิกเรียน 1ชั่วโมง มีกิจกรรมฝึกคุยกับชาวญี่ปุ่น โชคดีที่ได้คุยกับคนที่เคยฝึกสอนในห้องเรียน ก็คุยหลายเรื่อง รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็มีเรื่องถามทางไปที่ตกปลา ที่ OSAKA สามารถไปที่ไหนได้บ้าง และทะเลไปอย่างไง จริงๆก็ดูแผนที่ก็ไปเป็นแล้ว แต่ก็ได้คำแนะนำว่าที่มีคนตกปลาเยอะๆ คือ OSAKA KO นั่งรถไฟฟ้าไปใช้เวลา 40 นาที และเรื่องซื้อกล้องที่ไหนดี และยี่ห้ออะไร สรุปว่าแนะนำ ซื้อก็ที่เป็นมือหนึ่งแต่ผ่านไปหนึ่งแล้ว จะราคาถูกดีกว่าไปซื้อมือสอง ส่วนอุปกรณ์ตกปลาให้หาใน Internet เพราะเขาก็ไม่ชอบตกปลา แต่แถวบ้านเขาตกเยอะมาก ก่อนกลับเขาบอกว่าอาติทย์หน้าจะมาใหม่ สงสัยอาทิตย์คงต้องคุยกับคนญี่ปุ่นอีกแน่ๆ เขียนแค่นี้แล้วกัน ต้องไปออกกำลังกายแล้ว [17:33]

วันนี้ส่วนบ่ายไม่มีเรียน เพราะตามกำหนดการต้องไปทัศนศึกษานอกสถานที่ สถานที่ ที่จะไปคือศูนย์ป้องกันภัยธรรมชาติ "nara" ออกเดินทางเวลา 13:10 จุดประสงค์ของวันนี้คือ 1. สัมผัสประสบการณ์แ่ผนดินไหว 2.สัมผัสประสบการณ์พายุไต้ฝุ่น 3.ควรจะปฎิิบัติ อย่างไร เมื่อประสพภัยธรรมชาติ โดยรวมผมว่าประสบความสำเร็จ ในวันนี้นะ รู้่และเข้าใจ เรื่องนี้ต้องชมเลยคนญี่ปุ่นเขาทำกันจริงๆจังๆ ไม่เหมือนที่เคยไปฝึกมา มีแต่วิ่งหนีไฟ แต่ก็มีหลายๆ อย่างที่ กฎความปลอดภัยไม่เหมือนกับบ้านเรา เช่น ป้ายทางออกหนีไฟเป็นสีเขียว บ้านเราสีแดง เป็นต้น ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงครึ่งก็ขึ้นรถบัสกลับที่พัก ใช้เวลาเดินทางทั้งไปและกลับ อีกสองชั่วโมง ก็หมดเวลาช่วงบ่ายแล้ว ถึงที่พักเวลาประมาณ 16:45 ก็แยกย้ายกับกลับห้อง แล้วก็จบไปอีกหนึ่งวัน