Gung Note

วันเวลาผ่านไป สิ่งที่เคยเห็น.. สิ่งที่เคยได้ยิน.. และสิ่งที่ได้ประสบ... มันจะคงอยู่ในนี้ตลอดไป.

วันเสาร์, พฤษภาคม 19, 2550

2007土曜日日本語クラス日程

เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสได้เรียน nihongo kurasu เป็นครั้งแรก หนึ่งเดือนจะมีสองครั้ง
เรียนเฉพาะวันเสาร์ 10:30-12:30
ทีแรกนึกว่าจะเรียนไม่ทันคนอื่นๆ แต่พอเข้าไปเรียนแล้วปรากฏว่า เรียนบทที่เราได้เรียนมาแล้ว
ก็เลยรู้สึกสนุกกับการเรียนในวันนี้ เพราะโดยรวมรู้เรื่องหมดแล้ว วันนี้เรียนบทที่ 33 ของหนังสือ きそ2
แต่ผมไม่รู้ และก็ไม่ได้เอาหนังสือไป แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เรียนตามหนังสือ จะมาเอกสารแจกให้ แต่จริงๆต้องจ่ายตรังครับ 100円 ก็มีเกมภาษาให้เล่นเหมือนในห้องเรียนปกติ แต่ดีที่หนึ่งโต๊ะมีนักเรียนสองคนและมีอาสาสมัครคนญี่ปุ่นมาเป็นพี่เลี้ยง ก็มีโอกาสได้คุยกับเจ้าของภาษาก็สนุกดี อีกคนที่โต๊ะผมเป็นชาวจีน เขาก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่(ให้กำลังใจตัวเอง) เวลาเขาไม่เข้าใจคำศัพท์ พี่เลี้ยงจะเขียนคันจิให้ดูคนจีนคนนั้นเขาเข้าใจทันที แต่ผมก็ยังงง แต่ก็จะใช้มุกเดิมๆ คือให้ช่วยบอกความหมายจากคำตรงข้าม หรืออธิบายแบบยาวๆ
ความรู้ใหม่ที่ได้ในการเรียนครั้งนี้ การพูดกับตัวเอง และการพูดกับคนอื่นๆ ในรูปประโยคห้ามการกระทำ 禁止形(きんしけい)
เช่น เวลาเราจะบอกเขาว่า ห้ามดูTV  テレビを見るな。 
เวลาเราพูดกับตัวเรา テレビを見ない。
  แต่ก็มีขอยกเว้น ได้มาจากพี่เลี้ยงเช่นเวลาพูดกับตัวเองว่า ไม่กินนะ(ลดความอ้วน) 食べるな。
 ตรงนี้ล่ะที่ภาษาญี่ปุ่นยากมากๆ ข้อยกเว้น

以上。

วันอังคาร, พฤษภาคม 15, 2550

การเรียนภาษาญี่ปุ่นของผม

การเรียนภาษาญี่ปุ่นในประเทศไทย
   การเรียนภาษาที่ไทยผมรู้สึกว่าในตอนนั้นหูมันปิด ฟังอะไรก็ไม่ออก เช่น ตัวที่มี つเล็กฟังไม่ออกครับ เสียงยาวก็ไม่ออกเหมือนกัน แล้วก็จะจำผิดๆ จากที่เคยได้ยินมา เช่น ありがとう、จะเข้าใจว่า ありがいと เรื่องที่อยากให้มีเพิ่มคือคุยกับคนญี่ปุ่น แบบ free talk จัดนักเรียนญี่ปุ่นที่เรียนภาษาไทยมาเจอกับนักภาษาญี่ปุ่น (อาจเป็นไปได้ยาก เพราะเห็นนักเรียนภาษาไทยมีแต่คุณหนูคุณหญิงมาเรียนกัน)
โดยรวมต้องใช้เวลาในการฟังครับ ส่วนเรื่องอ่านก็มีปัญหามากครับ เป็นเรื่องของ katakana เพราะที่ไทยจะไม่เน้นมากช่วงหลังๆ ส่วนคันจิ ตัวนี้ใครจำได้มากมาญี่ปุ่นแล้วสบาย ทั้ง TV  ป้ายต่างๆ ทิศทาง ตู้ขายของอัตโนมัติ แบบปรับส่วนปรับเลือกได้ ผมเคยกดผิดมากแล้วได้กินกาแฟดำไม่มีน้ำตาลทำให้จำคันจิ และkatakana ตัวนี้ได้(砂糖、ブラック ) 
 
การเรียนภาษาญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น
 มาถึงด้วยความที่ไม่คิดว่าจะได้ใช้ katakana มากทำให้ต้องมาจำใหม่อีกรอบครับ ส่วนความรู้สึกดีมากเลยครับ แต่อาจารย์ที่ไทยก็ไม่ต้องน้อยใจนะครับ อาจารย์ผมจะเล่นเป็นคนๆ จะรู้การพัฒนาของแต่ละคน ละจะกดดันตลอดเวลา เล่นเอากินไม่ได้นอนไม่หลับไป 6อาทิตย์เลยครับ ทำให้ไม่มีเวลาคิดถึงบ้าน เพราะกลัวว่าจะทำงานไม่ได้ เลยไม่มีเวลามาผลัดวันประกันพรุ่ง ในส่วนรายละเอียดช่วงแรกเรียนแบบกระโดดวันละสามสี่บท อาทิตย์ที่สองเข้าเนื้อหาหลักก็จะใช้วิธีเรียนไวยากรณ์เช้า บ่ายนำไวกรณ์มาใช้(AOTS เรียนวันละ 6 ชั่งโมง)
ช่วงหลังๆ ทุกวันพฤบ่ายสามโมงจะมี free talk 1 ชั่วโมงคุยแบบ หนึ่งต่อหนึ่ง ทำให้เรารู้วิธีการออกเสียงของคนญี่ปุ่น และรูป ます。ที่เรียนมาใช้ไม่ได้  AOTS ที่ควรปรับดูๆแล้ว ไม่มีครับ...  ออ..นึกออกแล้วครับ เป็นเรื่องภาษาในบริษัท เช่นภาษาที่ใช้เขียนในคู่มือ โดยใช้คันจิมาเชื่อมกันโดยไม่มีคำช่วย งงมากๆ บางทีอ่านได้ แต่ไม่รู้วิธีใช้  แล้วเชื่อมไปความหมายเปลี่ยนหรือเปล่าก็ไม่รู้ครับ 
 
การเรียนภาษาญี่ปุ่นในที่ทำงาน
   ต้องบอกว่าคนที่บริษัทผมใช้รูปสุภาพมากๆ จนฟังไม่ออกเลย ที่ AOTS เรียนมาแค่วันเดียวครับ
บางที่ก็ให้เขาช่วยพูดรูป ます แต่บางรูปพวก ให้กระทำ、ถูกกระทำ หรือเงื่อนไข ในประโยชน์ ที่เป็นการอธิบายโปรแกรม เช่นเงื่อนไขใน testcase และบวกกับการเชื่อมคันจิ ทำให้งงไปเลย ทำให้งานง่ายๆ กลายเป็นทำไม่ถูก  แค่เขียนเป็นภาษาไทยบาง testcase ที่ต้องกำหนดสภาวะ ต่างๆก่อน ก็เข้าใจง่ายอยู่แล้ว มาเจอรูปสุภาพผสมกับเกรงใจ บางที่ก็งงไปเลย
   เร็วนี้ พี่เลี้ยงคนจะแบ่งเวลามาคุยกับพวกผมตอนท่านข้าว และแลกเปลี่ยนภาษากัน ไทย-ญี่ปุ่น ผมคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พวกผมพัฒนาได้เร็วที่สุดดี
 
จบเรื่องภาษาครับ 

(อังคาร) 15 พฤษภาคม 2550,東京ー田町

ภาษาญี่ปุ่นวันนี้ได้เรียนเกี่ยวกับการใช้ san ーさん ต่อท้ายสิ่งที่เรียก
จริงๆน่าจะเป็นเรื่องแรกๆ ที่ทุกคนรู้ แต่ก็ยังมีอะไรแปลกๆ ให้เรียนรู้อีก
เช่น fujisan 富士山 san ตัวนี้ความรู้สึกจะเหมือนเรียกชื่อคนว่า คุณฟูจิ
honyasan 本屋さん  san ตัวนี้แปลกมาก มันกลายเป็นรูป 丁寧語 ภาษาสุภาพ
ของการเรียกร้านขายหนังสือ หรือ sobasan 蕎麦さん อาหารญี่ปุ่นเหมือนราแมน
แต่เป็นเส้นโซบะ แบบนี้ต้องจำอย่างสถานเดียว แต่บางอย่างก็ ใช้ お หรือ  ご
เช่น おつりเงินถอน 、おはしตะเกียบ และ ごしゅじん ใช้เรียกสามีของผู้อื่น